เสียงประสาน
เมื่อนักร้องเพลงเพื่อชีวิตหรือดนตรีโฟล์คร้องเพลงร่วมกับการเล่นกีตาร์คลอไปด้วยตลอดทั้งเพลง การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการเพิ่มความลึก (depth) และ richness เข้าไปในทำนอง เราเรียกสิ่งนี้ว่า “เสียงประสาน”
เสียงประสาน (Harmony) คือ องค์ประกอบของเสียงซึ่งทำให้เกิดความสมบูรณ์ ปกติทำนองเพลงเป็นการดำเนินทำนองเป็นเส้นขนานหรือแนวนอน สำหรับเสียงประสานเป็นการผสมผสานของเสียงมากกว่า 1 เสียงในแนวตั้ง การประสานเสียงเป็นองค์ประกอบที่สลับซับซ้อนมากกว่าจังหวะ การประสานเสียงที่มีลักษณะของการเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน 2 เสียงเราเรียกว่า “ขั้นคู่” (intervals) แต่ถ้ามากกว่า 2 เสียงขึ้นไปเราเรียกว่า “คอร์ด” (Chords)
1 ขั้นคู่เสียง (Intervals) หมายถึงเสียง 2 เสียงที่เขียนเรียงกันในแนวตั้งและเปล่งออกมาพร้อม ๆ กัน การนับระยะห่างของเสียงเรียงตามลำดับขั้นของโน้ตในบันไดเสียง ขั้นคู่เสียงถือว่าเป็นเสียงประสานที่มีความสำคัญในการเขียนเพลง สำหรับในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนขอกล่าวถึงขั้นคู่เสียงเพียงเบื้องต้นเพื่อให้พอมองเห็นภาพของเสียงประสานเท่านั้น
เมื่อนักร้องเพลงเพื่อชีวิตหรือดนตรีโฟล์คร้องเพลงร่วมกับการเล่นกีตาร์คลอไปด้วยตลอดทั้งเพลง การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการเพิ่มความลึก (depth) และ richness เข้าไปในทำนอง เราเรียกสิ่งนี้ว่า “เสียงประสาน”
เสียงประสาน (Harmony) คือ องค์ประกอบของเสียงซึ่งทำให้เกิดความสมบูรณ์ ปกติทำนองเพลงเป็นการดำเนินทำนองเป็นเส้นขนานหรือแนวนอน สำหรับเสียงประสานเป็นการผสมผสานของเสียงมากกว่า 1 เสียงในแนวตั้ง การประสานเสียงเป็นองค์ประกอบที่สลับซับซ้อนมากกว่าจังหวะ การประสานเสียงที่มีลักษณะของการเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน 2 เสียงเราเรียกว่า “ขั้นคู่” (intervals) แต่ถ้ามากกว่า 2 เสียงขึ้นไปเราเรียกว่า “คอร์ด” (Chords)
1 ขั้นคู่เสียง (Intervals) หมายถึงเสียง 2 เสียงที่เขียนเรียงกันในแนวตั้งและเปล่งออกมาพร้อม ๆ กัน การนับระยะห่างของเสียงเรียงตามลำดับขั้นของโน้ตในบันไดเสียง ขั้นคู่เสียงถือว่าเป็นเสียงประสานที่มีความสำคัญในการเขียนเพลง สำหรับในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนขอกล่าวถึงขั้นคู่เสียงเพียงเบื้องต้นเพื่อให้พอมองเห็นภาพของเสียงประสานเท่านั้น
ขั้นคู่เสียงขั้นที่1 C ถึง ขั้นที่ 1(C) เรียกว่า
คู่ 1 Unison
ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 2(D) เรียกว่า คู่ 2 ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 3(E) เรียกว่า คู่ 3 ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 4(F) เรียกว่า คู่ 4 ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 5(G) เรียกว่า คู่ 5 ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 6(A) เรียกว่า คู่ 6 ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 7(B) เรียกว่า คู่ 7 ขั้นคู่เสียงขั้นที่ 1 C ถึง ขั้นที่ 8(C) เรียกว่า คู่ 8 Octave |
2 คอร์ด (Chords) หมายถึงกลุ่มเสียงตั้งแต่
3 เสียงขึ้นไป เรียงกันในแนวตั้งและเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน คอร์ดมีมากมายหลายชนิดแล้วแต่ลักษณะการใช้นำไปใช้ในที่นี้จะขอกล่าวถึงคอร์ด
3 ชนิด ใหญ่ ๆ รวมถึงวิธีการสร้างคอร์ด (Chord
Construction) ดังนี้
1) ตรัยแอ็ด (Triad) คือ คอร์ดที่ประกอบด้วยเสียง 3 เสียง โดยเกิดจากการนำโน้ตลำดับที่ 1st ,โน้ตลำดับที่ 3rd และโน้ตลำดับที่ 5th ของบันไดเสียงมาจัดเรียงกันในแนวตั้ง
1) ตรัยแอ็ด (Triad) คือ คอร์ดที่ประกอบด้วยเสียง 3 เสียง โดยเกิดจากการนำโน้ตลำดับที่ 1st ,โน้ตลำดับที่ 3rd และโน้ตลำดับที่ 5th ของบันไดเสียงมาจัดเรียงกันในแนวตั้ง
ตรัยแอ็ด (Triad) หรือคอร์ด 3 เสียง ที่สำคัญในบันไดเสียง ซี เมเจอร์ (C major) หรือบันไดเสียงเมเจอร์ทั่วไปที่มักนำมาใช้ในการบรรเลง ประกอบด้วย คอร์ดลำดับที่ 1st ,ลำดับที่ 4th และลำดับที่ 5th
2) คอร์ดที่มี 4 เสียง (Seventh chords) หมายถึง คอร์ดตรัยแอ็ดที่เพิ่มโน้ตลำดับที่ 7th ต่อจากโน้ตลำดับที่ 5th ของบันไดเสียง เช่น
3) คอร์ดที่มี 5 เสียง (Ninth chords) หมายถึง คอร์ดตรัยแอ็ดที่เพิ่มโน้ตลำดับที่ 9th ต่อจากโน้ตลำดับที่ 7th และ โน้ตลำดับที่ 5th ของบันไดเสียง เช่น
หมายเหตุ
จากข้างต้นผู้เขียนได้นำคอร์ดที่ใช้ในการยกตัวอย่างเป็นคอร์ดที่เกิดจาก บันไดเสียง ซี เมเจอร์ (C major) ทั้งสิ้น เนื่องจากง่ายต่อการจดจำ ส่วนคอร์ดที่เกิดจากบันไดเสียงเมเจอร์อื่น ๆ ก็มีโครงสร้างเช่นเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น